ผมหวั่นๆ อยู่ว่ากระบวนสร้างความมั่นใจในเวทีระหว่างประเทศ
Tags : ที่คนไทยและต่างชาติต้องการคือ Action Plan ว่าไทย "กลับสู่ภาวะปกติ"หรือ Thailand is Back in Business หลังน้ำท่วมใหญ่คราวนี้จะเชื่องช้าไม่ทันกาล เพราะมีคณะกรรมการมากมายหลายชุดเหลือเกิน
แต่ขาดระดับนำทางการเมืองที่จะตัดสินฟันธงและเดินเครื่องอย่างชัดเจน เพื่อเรียกร้องความมั่นใจให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็วฉับพลันเพียงพอ
จึงไม่มี Roadmap ที่แกนนำรัฐบาลและเอกชนของไทยที่จะนำไปบอกกล่าวกับคนทั้งโลกว่าเรากำลังจะเดินไปในทิศทางไหน และการป้องกันไม่ให้เกิดภัยพิบัติอย่างหนักหน่วงเช่นนี้ไม่ให้เกิดซ้ำซ้อนอีกคืออะไรกันแน่
การส่งใครต่อใครไปต่างประเทศขณะนี้ เพื่อ "สร้างความมั่นใจ" ให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะไม่เกิดผลอะไร หากเราไม่สามารถตอบคำถามที่เขามีสั้นๆ และง่ายๆ ว่า แล้วคุณมีมาตรการใหม่อย่างไร จะทำเสร็จเมื่อไร ใครรับผิดชอบ
ผมได้เห็นข่าว คุณสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนบอกกับนักข่าวว่าน้ำท่วมใหญ่ไทยครั้งนี้กระทบอาเซียนในภาพรวมด้วย เพราะไทยมีการผลิตเป็นอันดับสองของภูมิภาคนี้ และสิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือ การเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาโดยเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างประเทศว่าไทยยังคงเป็น "ฐานการผลิต การค้า การส่งออก และการท่องเที่ยว" คุณสุรินทร์ บอกว่า ไทยควรต้องเร่งฟื้นฟูด้านการท่องเที่ยวก่อนด้านอื่นๆ โดยใช้เวทีระดับโลกอย่าง Apec, G-20 และ Asean ในการประชาสัมพันธ์ให้ต่างชาติได้ทราบว่าไทยพร้อมแล้วที่จะดำเนินธุรกิจอีกครั้งหนึ่ง โดยมีมาตรฐานในการแก้ไขปัญหา
ไทยต้องให้ความสำคัญกับประชาคมอาเซียนเพราะมีจำนวนประชากรที่เพิ่มสูงขึ้น และมีจีดีพีสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์
หากทำได้ ไทยก็จะยังมีความสามารถในการแข่งขัน
แต่เท่าที่ผมได้ยินจากนักลงทุนต่างประเทศเกือบทุกคนไม่ว่าในบ้านหรือนอกบ้าน สิ่งที่เขากังวล คือ รัฐบาลไทยวิเคราะห์ออกหรือยังว่าสาเหตุแห่งมหาอุทกภัยครั้งนี้มาจากไหน และมีวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในปีหน้าอย่างไร
แน่นอนว่า เขายังต้องการจะลงทุนในประเทศไทย เพราะประเด็นด้านบวกของเราอีกหลายประการที่ยังดีกว่าเพื่อนบ้านเรา แต่ถ้าหากเขาจะลงทุนเพิ่มหรือขยายกิจการของเขาในไทย เขาจะต้องตอบคำถามสำนักงานใหญ่ที่บ้านว่าความเสี่ยงเรื่องภัยธรรมชาติในไทยในวันข้างหน้าสูงเพียงใด และหากประเมินกับความเสี่ยงตัวอื่นๆ แล้วไทยยืนอยู่ตรงจุดไหน
วิธีการส่งคณะของไทยไปทำนองอ้อนวอนขอร้องให้ประเทศอื่นเห็นใจเข้าใจเรานั้น ได้ผลก็แต่เพียงด้านจิตวิทยาที่อาจทำให้เขาเห็นใจเรา เข้าใจเรา แต่เมื่อถึงขั้นตอนของการตัดสินใจว่าจะลงทุนในไทยเพิ่มหรือไม่ หรือจะย้ายฐานการผลิตไปไหนหรือไม่นั้น ข้อพิจารณาเรื่องความเห็นอกเห็นใจย่อมมาหลังการบวกลบคูณหารว่าไทยเรายังเป็นประเทศที่อยู่แถวหน้าของความน่าลงทุนหรือไม่
ดังนั้น สิ่งที่ชาวโลกต้องการจากรัฐบาลไทยวันนี้ คือ "แผนปฏิบัติการ" ในรายละเอียด ขั้นตอนของการแก้ปัญหา แนวทางการวิเคราะห์ปัญหา และหนทางการแก้ไขในรูปธรรม
ถึงวันนี้ ผมยังไม่เห็น Roadmap นี้ มีแต่คำกล่าวอ้างของคนในรัฐบาลว่าต่างชาติยังไว้วางใจ ยังไม่มีใครคิดจะย้ายฐานการลงทุน และรัฐบาลกำลังส่งตัวแทนไปเกลี้ยกล่อมให้ต่างชาติมีความไว้เนื้อเชื่อใจประเทศไทย
ซึ่งแน่นอนว่าเพียงแค่นี้ไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูความมั่นใจไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติได้
ที่ผมหวั่นๆ ก็คือว่า คณะกรรมการใหญ่ๆ ทั้งหลายที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้นมานั้นค่อนข้างจะเทอะทะ และมีชื่อคนมีตำแหน่งสำคัญมากมาย อีกทั้งยังมี "ดาว" และ "กูรู" ที่ต่างมีอัตตาสูงด้วยกันทั้งนั้น...หากไม่มีคนนั่งหัวโต๊ะที่สามารถสรุปประเด็น ตัดสินใจ และกำหนดเส้นตายสำหรับการทำแผนและเริ่มปฏิบัติการอย่างจริงจัง การแก้ปัญหาระดับชาติและระดับสากลอย่างนี้ก็ย่อมจะเกิดไม่ได้
การตั้งคณะกรรมการเพื่อทำงาน กับเพื่อภาพลักษณ์นั้นย่อมมีความแตกต่างกันในเนื้อหาสาระและความน่าเชื่อถืออย่างยิ่ง
เราไม่ได้ขาดแคลนข้อมูล การวิจัยศึกษาเรื่องน้ำและภัยพิบัติอันเกิดจากน้ำ แต่เราขาดการตัดสินใจและประสานให้เกิดการดำเนินการอย่างแท้จริง
วันนี้ เราต้องการข้อสรุปและแผนปฏิบัติ...มิใช่รายงานการประชุมเป็นปึกๆ เพื่อเบิกเบี้ยประชุมหรือด้วยความเชื่อว่าการตั้งคณะกรรมการคือการแก้ปัญหา
No comments:
Post a Comment